ถุงมือไนไตรต่างจากถุงมือยางธรรมชาติอย่างไร

ถุงมือไนไตรกับถุงมือแพทย์ที่เราเรียกกันติดปากนั้น เราคงสงสัยว่าแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งคุณสมบัติของถุงมือ 2 ชนิดนี้คล้ายกันมาก จนแทบจะใช้งานแทนกันได้ แต่ทั้งสองแบบก็ยังมีข้อแตกต่างบางอย่าง และเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่าง สรุปได้ 5 ข้อหลักๆ

ถุงมือแพทย์ VS ถุงมือไนไตร ต่างกันดังนี้

ถุงมือไนไตร ผลิตจากยางไนไตร(ชื่อย่อ NBR หรือ Butadiene Rubber) ซึ่งเป็นยางสังเคราะห์ เป็นยางที่มีขั้วสูง จึงมักจะถูกใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องสัมผัส น้ำมัน ไขมัน และสารละลายไม่มีขั้วต่างๆ เนื่องจากถุงมือนี้ มีความทนทานต่อสารดังกล่าวสูง แต่ขณะที่ถุงมือแพทย์จากยางธรรมชาติ หรือยางพารา (Latex) มีองค์ประกอบของไอโซพรีน ซึ่งเป็นสารที่ไม่มีขั้ว จึงทนทานต่อสารละลายที่มีขั้วได้ดี

ถุงมือแพทย์ จากยางธรรมชาติ มีความยืดหยุ่นสูงกว่าถุงมือไนไตร จึงทำให้สวมใส่ได้กระชับกว่า สวมใส่สบาย มีความคล่องตัวสูงกว่า และหากสวมใส่นานๆ จะไม่เกิดอาการล้ามือ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีกว่า

ดังนั้น ในงานอุตสาหกรรม บางประเภท เช่นงานอิเล็กทรอนิกส์ จึงนิยมใช้ถุงมือแพทย์จากยางธรรมชาติมากกว่า เนื่องจากกระชับ หยิบวัสดุชิ้นเล็กๆได้สะดวกกว่า และยังทำให้ไม่เมื่อยนิ้วหรือมืออีกด้วย

ถุงมือยางไนไตร ผลิตจากยางสังเคราะห์ จึงมีความแข็งแรงกว่ายางธรรมชาติ (ประมาณ 3 เท่าที่ความหนาเท่ากัน) จึงทนทานต่อแรงฉีก แรงเค้น แรงบิด ได้ดีกว่า จึงหมาะที่จะใช้กับงานหนักมากกว่า นอกจากนี้ด้วยคุณสมบัติตามข้อหนึ่ง ทำให้ถุงมือไนไตรทานสารละลายน้ำมัน ไขมัน ได้ดี

ด้วยเหตุนี้ ในอุตสาหกรรมหนัก จึงนิยมถุงมือไนไตรมากกว่า เนื่องจากทนทานต่อการฉีก บิด เฉือน และสารเคมี จึงทำให้มีการสิ้นเปลืองน้อยกว่า ประหยัดกว่าในระยะยาว

ถุงมือแพทย์ ผลิตจากยางธรรมชาติ ซึ่งมีโปรตีนเป็นองค์ประกอบ หากผู้สวมใส่อาจแสดงอาการแพ้โปรตีนได้ (เป็นเฉพาะบางคน) แต่ถุงมือไนไตรจะไม่มีโปรตีนเป็นองค์ประกอบ แม้ผู้ที่แพ้โปรตีนสวมใส่ก็จะไม่แสดงอาการดังกล่าว และหากผู้สวมใส่เลือกใช้ถุงมือไนไตรชนิดไม่มีแป้ง ก็จะตัดปัญหาเรื่องการแพ้แป้งในถุงมือด้วย

ถุงมือแพทย์ ผลิตจากยางธรรมชาติ ซึ่งมีผลิตได้ในบ้านเรา จึงมีแนวโน้มจะมีราคาถูกกว่า (เทียบที่ความหนาและความยาวของถุงมือเท่าๆกัน) ขณะที่ถุงมือไนไตรผลิตจากปิโตรเลี่ยม ซึ่งต้องนำเข้า จึงมีแนวโน้มที่ราคาสูงกว่า